หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ประวัติวันวาเลนไทน์









ประวัติวันวาเลนไทน์

... วันวาเลนไทน์ ...


วันวาเลนไทน์ นั้นมีมาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมัน ในกรุงโรมสมัยก่อนนั้น วันที่ 14 กุมภาพันธ์ จะเป็นวันเฉลิมฉลองของจูโน่ ซึ่งเป็นราชินีแห่งเหล่าเทพและเทพธิดาของโรมัน ชาวโรมันรู้จักเธอในนามของเทพธิดาแห่ง อิสตรีและการแต่งงาน และในวันถัดมาคือวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ก็จะเป็นวันเริ่มต้นงานเลี้ยงของ Lupercalia การดำเนินชีวิตของเด็กหนุ่มและเด็กสาวในสมัยนั้นจะถูกแยกจากกันอย่างเด็ดขาด แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีประเพณี อย่างนึง ซึ่งเด็กหนุ่มสาวยัง สืบทอดต่อกันมา คือ คืนก่อนวันเฉลิมฉลอง Lupercalia นั้นชื่อของเด็กสาวทุกคนจะถูกเขียนลงในเศษกระดาษเล็ก ๆ และจะใส่เอาไว้ในเหยือก เด็กหนุ่มแต่ละคนจะดึงชื่อของเด็กสาวออกจากเหยือก แล้วหลังจากนั้นก็จะจับคู่กันในงานเฉลิมฉลอง บางครั้งการจับคู่นี้ ท้ายที่สุดก็จะจบลงด้วยการ ที่เด็กหนุ่มและเด็กสาวทั้งสองนั้นได้ตกหลุมรักกันและแต่งงานกัน

ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง (Claudius II) นั้น กรุงโรมได้เกิดสงครามหลายครั้ง และคลอดิอุสเองก็ประสบกับปัญหาในการที่จะหาทหารจำนวนมากมายมหาศาลมาเข้าร่วมในศึกสงคราม และเขาเชื่อว่าเหตุผลสำคัญก็คือ ผู้ชายโรมันหลายคนไม่ต้องการจากครอบครัวและคนอันเป็นที่รักไป และด้วยเหตุผลนี้เอง ทำให้จักรพรรดิคลอดิอุสประกาศให้ยกเลิกงานแต่งงานและงานหมั้นทั้งหมดในกรุงโรม ถึงกระนั้นก็ตาม ยังมีนักบุญผู้ใจดีคนหนึ่งซึ่งชื่อว่า ท่านนักบุญ " วาเลนไทน์ " ท่านเป็นพระที่กรุงโรมในสมัยของจักรพรรดิคลอดิอุสที่สองท่าน นักบุญ วาเลนไทน์ และนักบุญ มาริอุส ได้จัดตั้งกลุ่มองค์กรเล็กๆ เพื่อช่วยเหลือชาวคริสเตียนที่ตกทุกข์ได้ยากเหล่านี้ และได้จัดให้มีการแต่งงานของคู่รักอย่างลับๆด้วยและจากการกระทำเหล่านี้เอง ทำให้ นักบุญ วาเลนไทน์ ถูกจับและถูกตัดสินประหารโดยการตัดศรีษะ ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ประมาณปีคริสต์ศักราชที่ 270 ซึ่งถือเป็นวันที่ท่านได้ทนทุกข์ทรมานและเสียสละเพื่อเพื่อนมนุษย์


... ทำไมจึงชื่อ " วันวาเลนไทน์ " ...

วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ของทุกปีเป็น วันวาเลนไทน์ ซึ่งพวกหนุ่มสาวมักจะรีบไปซื้อบัตรส่งทักทายกันส่งใจถึงกัน นับเป็นความนิยมมากขึ้น ประเพณีนี้เข้ามาสู่ประเทศไทยทีละเล็กละน้อย และดูเหมือนจะเป็นที่นิยมมากขึ้นทุกปี เป็ประเพณีที่หนุ่มสาวนิยมกันมากเป็นพิเศษที่สหรัฐอเมริกาและที่ประเทศอังกฤษทำไมจึงมีชื่อว่า “ วันวาเลนไทน์ ” และความหมายที่แท้จริงของวันนี้คืออะไร? และมาจากไหน?

นักบุญ วาเลนไทน์ (Valentine) เป็นสงฆ์คาทอลิกองค์หนึ่งที่ได้ถูกประหารชีวิตในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ คริสตศักราช 270 ในสมัยพระเจ้าจักรพรรดิโรมัน เกลาดิอุส ที่ 2 ( Clanoius) โดยแท้จริงแล้วท่านนักบุญไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับประเพณีการเลือกคู่ หรือหาคู่ หรือหาแฟน หรือความรัก ความสนใจระหว่างหนุ่มสาว ท่านก็ไม่ได้ไปเกี่ยวข้องด้วยเลย ถ้าเช่นนั้นแล้ว ทำไมจึงเลือกนักบุญองค์นี้มาเป็นองค์อุปถัมภ์สำหรับผู้ที่กำลังหาคู่ เลือกคู่หรือเลือกแฟนกันได้เล่า ? เหตุผลที่ค้นพบได้ก็คือ ที่มาของวันวาเลนไทน์ ไม่ขึ้นอยู่กับคนผู้นี้ แต่ขึ้นอยู่กับวันที่ 14 กุมภาพันธ์

ประเพณีเลือกคู่ หรือหาคู่นี้มีมาแต่โบร่ำโบราณในทุกชาติ ดูเหมือนกับว่าได้เกิดขึ้นพร้อมกับวิวัฒนาการของมนุษย์ก็ว่าได้ ประเพณี วาเลนไทน์ นี้ก็มีต้นเหตุหรือ ที่มาสมัยที่จักรวรรดิโรมันแผ่อิทธิพลไปทั่ว ชาวโรมันสมัย โบราณมีการฉลองเทพเจ้าองค์หนึ่งชื่อ ลูแปร์คูส (Lupercus) ซึ่งตรงกับวันที่ 15 กุมภาพันธ์ และถือว่าเป็นการฉลองใหญ่ ส่วนหนึ่งของการฉลองใหญ่นี้ก็จะเป็นการจัดงานหาคู่ของพวกหนุ่มสาว ซึ่งจัดขึ้นในวันก่อนวันฉลองใหญ่ 1 วัน คือวันที่ 14 กุมภาพันธ์ นี้จะถือโอกาสให้พวกหนุ่มสาวเสนอตัวเป็นคนรักกันชั่วระยะเวลา 1 ปี ช่วงนี้จะเรียกว่าเป็นช่วงทดลองมิตรภาพเพื่อดูว่าทั้งคู่จะมีนิสัยใจคอเข้ากันได้หรือไม่ ชาวโรมันเป็นคนศรัทธาในเทพเจ้า และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ก็มีความเชื่อกันว่าพวกตนมีเทพเจ้าองค์หนึ่งซึ่งเขาขอให้เป็นผู้ดูแลความรักของเขาในระหว่างช่วงระยะเวลาการทดลองเป็นคู่รักกัน 1 ปี นั้น เทพเจ้าองค์นี้เป็นหญิงชื่อเทพธิดา Juno Februata ซึ่งตาม เทพนิยายของชาวโรมันเป็นมเหสีของ Jupiter องค์มหาเทพเจ้าทั้งหลาย

ครั้นต่อมา เมื่อชาวโรมันส่วนใหญ่กลับใจมาถือศาสนาคริสต์ (ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 4 ) ประเพณีของหนุ่มสาวที่จะหาคู่เพื่อทดลองเป็นคนรักกัน เพื่อจะแต่งงานกันในเวลาต่อไปนั้นก็ยังนิยมทำกันอยู่ แม้ว่าจะเป็นคริสชนแล้วก็ตาม ฉะนั้นเขาก็ยังรักษาประเพณีการเลือกคู่ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์นั้นอยู่ตลอดมา เพียงแต่ว่าหนุ่มสาว โรมันชาวคริสต์ได้หันมาเปลี่ยนตัวผู้อุปถัมภ์องค์ใหม่ เพราะคริสตชนไม่นับถือเทพเจ้าหรือเทพธิดาอย่างกาลก่อน เขาจึงหันมาเลือกหานักบุญในคริสตศาสนาที่มี วันฉลองในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ซึ่งก็มี นักบุญวาเลนไทน์องค์นี้เอง จึงขอยืมชื่อท่านมาเป็นองค์อุปถัมภ์แทนเทพเจ้าเดิมของชาวโรมัน เรื่องราวความเป็นมามีดังนี้ ฉะนั้นถ้าท่านนักบุญมีชีวิตอยู่ท่านอาจรู้สึกงงงวยในตำแหน่งที่หนุ่มสาวได้เลือกตั้งและแต่งตั้งให้ท่านเป็นผู้อุปถัมภ์ โดยที่ท่านไม่ได้รู้เรื่องทางโลกของหนุ่มสาวด้วยเลยแม้แต่น้อย

ความรักระหว่างหนุ่มสาวนั้นอาจจะเผชิญกับอันตรายบางอย่าง และอาจจะเป็นโอกาสให้พลังและความรักนั้นทำลายความสัมพันธ์อันสูงส่งระหว่างหนุ่มสาวนั้นเอง ความหมายของการมี วันวาเลนไทน์ นี้ก็คือการช่วยหนุ่มสาวหาวิธีการเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันด้วยใจบริสุทธิ์

ความหมายเห็นได้ชัดในคำว่า “You are my Valentine” ที่มักจะเขียนลงในบัตรส่งใจถึงกันและกัน ประโยคตามความหมายเดิม หมายถึงว่า “ข้าพเจ้าขอเสนอตัวเป็นเพื่อนสนิทของท่านในช่วงเวลา 1 ปี และข้าพเจ้าพร้อมที่จะตกลงแต่งงานกับท่าน ถ้ามิตรภาพของเรานี้เป็นสิ่งที่ยืนยง”

ลักษณะความสัมพันธ์ระหว่างหนุ่มสาวที่จะช่วยให้ก้าวหน้าในความรักที่แท้จริงนั้น ก็ควรจะประกอบด้วย 3 ข้อด้วยกัน ดังนี้

1. ให้รู้จักกันทั้งในด้านดี ในด้านเสีย และข้อผิดพลาดซึ่งต่างก็มีอยู่ และยอมรับซึ่งกันและกันในข้อเหล่านั้น 2. ให้เคารพและเห็นใจกัน โดยเสียสละต่อกันเพื่อให้คนรักของตนได้รับความดี และความสุขใจในทางที่บริสุทธิ์งดงาม3. ให้มีการปรับปรุง และเปลี่ยนนิสัยของตนในส่วนที่บกพร่อง เพื่อจะอยู่กันด้วยความสุขในอนาคต
ลักษณะทั้งสามดังกล่าวนี้ คงจะเป็นประโยชน์สำหรับหนุ่มสาวไทยไม่เฉพาะ ในวันวาเลนไทน์หรือสำหรับกลุ่มที่นิยมประเพณีต่างประเทศเท่านั้น แต่สำหรับทุกคู่ที่แสวงหาวิธีการเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันอัน จะนำไปสู่ความรักที่มั่นคงและยั่งยืนชั่วชีวิต

...คิวปิด ...

คนทั่วไปรู้จัก คิวปิด ในภาพของเด็กน่ารักที่มีปีก มือถือคันธนูกับลูกศรและมีชื่อเสียงในเรื่องการยิงศรรักปักหัวใจของใครต่อใคร ศรรักของ คิวปิด หมายถึงความปรารถนาและอารมณ์แห่งความรัก คิวปิด จะเล็งลูกศรไปที่พระเจ้าและมนุษย์เพื่อทำให้พระเจ้ากับมนุษย์รักกันคิวปิดมักจะมีบทบาทในการเฉลิมฉลองความรัก ในกรีกโบราณ คิวปิด เป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า เอโรส ลูกชาย แอฟโพไดท์ เทพธิดาแห่งความรักและความสวยงามแต่สำหรับพวกโรมัน เขาคือ คิวปิด และแม่ของเขาคือ วีนัส

มีเรื่องน่าสนใจพอสมควรเกี่ยวกับ คิวปิด และ ไซคี เจ้าสาวของเขาในเทพนิยายโรมัน ผมขอแนะนำผู้อ่านให้รู้จักคู่รักของ คิวปิด สักนิดนะครับว่าเธอเป็นเทพธิดารูปงามในนิยายกรีกโบราณมีปีกเป็นผีเสื้อ และเพราะความงามนี้เองที่ทำให้ วีนัส อิจฉา นางจึงได้สั่ง คิวปิด ให้ลงโทษว่าที่ลูกสะใภ้เสีย แต่ คิวปิด ตกหลุมรักเธอเกินกว่าที่จะทำตามความต้องการของแม่ ดังนั้น แทนที่จะลงโทษเธอ คิวปิด กลับเอาเธอเป็นภรรยาเสียเลย แต่เนื่องจาก ไซคี มิได้เป็นอมตะ เธอจึงถูกห้ามมิให้มองเขา (ตรงนี้ผมไม่ทร าบเหมือนกันนะครับว่าเป็นไปได้อย่างไรที่ได้เธอเป็นภรรยาแล้วภรรยามองไม่ได้ แต่อย่าไปคิดอะไรมากนะครับ เพราะเทพนิยายฝรั่งก็ไม่แตกต่างอะไรไปจากละครน้ำเน่าบ้านเรา)

หลังจากตกเป็นภรรยาของ คิวปิด แล้ว ไซคี ก็มีความสุขเรื่อยมา (ก็แหงละ) จนกระทั่งพี่สาวของเธอได้รบเร้าให้เธอมอง คิวปิด ทันทีที่เธอมอง คิวปิด คิวปิด ก็ลงโทษเธอด้วยการทิ้งเธอไปทันที พร้อมกันนั้นปราสาทและสวนอันสวยงามของเธอก็ต้องมลายหายไปด้วย หลังจากนั้นไซคี ก็พบว่าตัวเองอยู่ตามลำพังในทุ่งโล่งแห่งหนึ่งซึ่งไม่มีร่องรอยของสิ่งมีชีวิตอื่นๆหรือ คิวปิด ปรากฏให้เห็นเลย

ในขณะที่เธอออกเดินทางค้นหาคนรักของเธอนั้น เธอก็มาถึงวิหารของ วีนัส โดยบังเอิญ เมื่อ วีนัส เทพธิดาแห่งความรักพบว่า ไซคี ยังมีชีวิตอยู่ เธอก็ปราถนาที่จะ ทำลาย ไซคี ด้วยการให้งานที่หนักและอันตรายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ งานสุดท้ายที่ ไซคี ได้รับมิใช่งานขับเครื่องบินชนตึกเวิร์ลเทรดครับ หากแต่เธอได้รับกล่องใบหนึ่งมาและได้ถูกสั่งให้ลงไปยังใต้โลกเพื่อเอา ความงามของ โพรเซอร์พีน ภรรยาของ พลูโต ใส่กล่องใบนี้มา ในระหว่างที่เธอเดินทางอยู่นั้น เธอก็ได้รับคำแนะนำให้รู้จักการหลีกเลี่ยงอันตรายจากอาณาจักรแห่งความตาย นอกจากนั้นแล้ว เธอยังได้ถูกเตือนมิให้เปิดกล่องใบนั้นอีกด้วย แต่เพราะทนไม่ไหวหรือเพราะความอยากรู้อยากเห็นหรืออะไรก็ไม่ทราบ เธอได้เปิดกล่องใบนั้น แต่แทนที่จะพบกับความงาม เธอกลับต้องหลับเป็นตาย

ต่อมา คิวปิด ได้มาพบร่างอันไร้ชีวิตของเธอบนพื้นดิน เขาจึงได้นำเอาอาการหลับเป็นตายออกจากร่างของเธอและนำมันไปเก็บไว้ในกล่อง หลังจากนั้น คิวปิด ก็ได้ให้อภัยเธอเช่นเดียวกับ วีนัส เมื่อเทพเจ้าทั้งหลายเห็นความรักที่เธอมีต่อ คิวปิด จึงได้ตั้งให้เธอเป็นเทพธิดาองค์หนึ่ง

ปัจจุบันนี้รูป คิวปิด แผลงศรเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักที่ผู้คนมักนิยมใช้กัน และเมื่อศรรักของ คิวปิด พุ่งโดนหัวใจหนุ่มสาวคนใดในวันวาเลนไทน์ หนุ่มสาวคนนั้นก็จะออกอาการ
"สติวปิ้ด" จากศรรักของ คิวปิด ขึ้นมาทันที อาการนี้จะเห็นได้จากการส่งดอกกุหลาบสีแดง ส่งช็อคโกแล็ต การส่งบัตรอวยพรและอื่นๆ อีกครับ
หมายเหตุท้ายบท :
"สติวปิ้ด" เป็นภาษาอังกฤษแปลว่า "โง่" ครับ เหมือนคำบางคำที่เราอาจเคยได้ยินว่า "ความรักบางครั้งก็ทำให้คนตาบอด และ มองไม่เห็นข้อบกพร่องของคนที่เรารัก"


วันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

เคล็ด ( ไม่ )ลับสำหรับผู้หญิง...

5 วิธีสำหรับผู้หญิงหว่านเสน่ห์ให้ประสบความสำเร็จ

นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เราใช้ชีวิตผ่านมาก็นาน ทำไมถึงไม่มีผู้ชายมาสนใจสักทีนะ.. เอ.. หรือว่าเราอาจจะดูธรรมดาเกินไป? ใช่แล้วล่ะ! ตอนนี้คุณอาจจะดูธรรมดามากเกินไปก็ได้ คุณอาจจะลืมสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เป็นพื้นฐานสำคัญ สำหรับการสร้างความโดดเด่นให้กับชีวิต ถ้าเช่นนั้น ลองมาดูไปพร้อมๆ กันว่า ในคำแนะนำต่อไปนี้ คุณขาดข้อไหนไปบ้าง เมื่อพบแล้ว จึงค่อยปรับเปลี่ยนตัวเองทีละนิด.. ทีนี้ล่ะ ผู้ชายๆ รอบๆ ข้าง ก็จะเริ่มรู้สึกประทับใจในตัวคุณไม่มากก็น้อย

1. หาความรู้เพิ่มเติมให้กับตัวเองอยู่เสมอ นอกจากการศึกษาในระดับปกติที่คุณได้ตรากตรำร่ำเรียนมาแล้ว การหาความรู้เพิ่มเติม จะช่วยให้คุณพัฒนาตัวเอง และช่วยเพิ่มทักษะใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต.. คุณอาจเริ่มต้นด้วยการหาความรู้จากกิจกรรมบันเทิง เช่นฟังดนตรีสากล เพื่อพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของตัวเอง ดูหนังสารคดีด้านต่างๆ เช่น เรื่องสัตว์ป่า เรื่องโบราณคดี หรือว่างๆ ก็ไปเที่ยวตามพิพิทธภัณฑ์ หรือหอศิลป์ นี่เป็นวิธีเปิดโลกกว้างให้กับตัวเอง และยังเป็นการเปิดโอกาสในการได้เจอกับเพื่อนใหม่ๆ ที่จะเข้ามาในชีวิต พอคุณมีความรู้มาก ก็จะมีความมั่นใจขึ้นอีกมาก แล้วก็จะมีคนมาสนใจคุณมากขึ้นอีกด้วยเช่นกัน


2. ต้องมั่นใจใน ‘ความเป็นตัวตน’ ของคุณเองไม่ใช่เรื่องที่สำคัญมากนัก ว่าคุณจะมีรายได้มากหรือน้อยขนาดไหน แต่สิ่งที่สำคัญคือ การที่คุณได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ และการที่คุณสามารถดูแล และจัดการในเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวกับตัวเองได้ดี เช่น การที่คุณรู้จักใช้จ่ายเงินเท่าที่จำเป็น การเคารพในสิทธิของตนเอง และผู้อื่น ความมั่นใจในเรื่องเหล่านี้ จะช่วยสร้างแรงดึงดูดใจ ให้ผู้ชายอยากเข้ามาทำความรู้จักกับคุณมากมายนัก เมื่อคุณทำตัวเองมีความสุข คนที่อยู่รอบๆ ข้างตัวคุณก็จะมีความสุขไปด้วย


3. มีเสน่ห์ปลายจวักคนเก่าคนแก่ มักจะพร่ำสอนอยู่เสมอว่า วิธีหนึ่ง ที่จะสามารถมัดใจผู้ใช้เอาไว้ได้ ก็คือ การทำอาหารอร่อยๆ ให้เขารับประทาน หากว่า คุณยังทำอาหารไม่เป็น ก็ควรเริ่มต้นเสียแต่วันนี้ การได้ทำอาหารรับประทานเองบ้าง จะช่วยลดความเสี่ยงจากการที่คุณจะต้องเจอพวกสารเคมี หรือการปรุงอาหารอย่างไม่ถูกสุขลักษณะ และยังจะส่งผลให้สุขภาพของคุณดีขึ้นอีกด้วย หรือถ้าคุณทำอาหารเป็นอยู่แล้ว ก็ควรเรียนรู้การปรุงอาหารเมนูใหม่ๆ เพิ่มเติมเข้าไปอีก อาจเริ่มต้นด้วย การชวนเพื่อนสนิท มารับประทานอาหารฝีมือของคุณ พอคุณเริ่มทำอาหารอร่อยมากขึ้น ก็ชวนเพื่อนคนอื่นๆ มารับประทานด้วย ชื่อเสียงในการทำอาหารของคุณก็จะเป็นที่กล่าวขาน ภาพลักษณ์การเป็นผู้หญิงแบบ ‘แม่บ้านแม่เรือน’ ก็จะปรากฏอยู่ในสายตาของผู้ชายหลายๆ คน


4. ดูแลการแต่งกายของตัวเองให้ทันสมัย การตามแฟชั่น และรู้จักแต่งกายให้ตัวเองดูดี จะช่วยให้คุณ แลดูสดใส ในสายตาของผู้ชาย และยังมีส่วนช่วยเพิ่มสีสันให้กับชีวิตของคุณเอง แต่ทั้งหมดนี่ไม่ได้หมายความว่า คุณจะต้องมีตู้เสื้อผ้าตู้ใหญ่ๆ มีเสื้อผ้าหลายร้อยชุด หรือซื้อทุกๆ อย่าง ที่ขวางหน้า ขอเพียงแค่ ให้คุณมีความพอดี แต่งกายแล้วรู้สึกว่า ตัวเองมีรสนิยม หรือพื้นฐานกว่านั้น ก็เพียงแค่ แต่งตัวและวางตัวให้ถูกต้องตามกาละเทศะ เช่นไม่ใส่รองเท้าแตะ เวลาไปติดต่อธุระในสถานที่ราชการ หรือไม่ใส่เสื้อผ้าที่ดูเซ็กซี่ เวลาไปทำบุญที่วัด


5. ยิ้มแย้มเข้าไว้ เมื่ออยู่ในที่สาธารณะ รอยยิ้มคือตัวแทนที่แสดงความรู้สึกภายในใจ รอยยิ้มแสดงให้เห็นว่า คุณพร้อมที่จะเริ่มบทสนทนา แสดงให้เห็นว่า คุณมีความมั่นใจ และยังแสดงให้เห็นว่า คุณเป็นคนมองโลกในแง่ดี ลองเปรียบเทียบดูว่า เวลาที่คุณเห็นคนอื่นทำหน้าบึ้งตึง คุณก็คงไม่ค่อยอยากจะเริ่มบทสนทนาด้วย หรือบางทีก็ยังคิดเลยเถิดไปว่า ที่คนๆ นั้นไม่ยอมยิ้ม คงเป็นเพราะเขาหรือเธอเป็นคนซีเรียสมากเกินไป และถ้าคุณเป็นคนยิ้มยาก ลองหาวิธีฝึกยิ้มจากเรื่องง่ายๆ ก่อนก็ได้ เช่น อ่านหนังสือตลกๆ หาดูรูปตลกๆ ในอินเตอร์เนต หรือตอนก่อนจะออกจากบ้านในตอนเช้า ยิ้มให้ตัวเองในกระจกสักที น่าจะช่วยให้คุณยิ้มได้ง่ายขึ้น




บทความที่ได้รับความนิยม 3 อันดับแรก

กิฟฟารีน...โอกาสทางธุรกิจ

News Update

Sport News

สัมภาษณ์สาวสวย idolcute คนล่าสุด